อภิรักษ์ ศิลปินอูคูเลเล่ของไทย ที่คุณไม่รู้จัก แต่ผมภูมิใจ

อภิรักษ์ ศิลปินอูคูเลเล่ของไทย ที่คุณไม่รู้จัก แต่ผมภูมิใจ

อภิรักษ์เข้ามาในชีวิตผมครั้งแรก ก็เข้ามาที่บ้านผมเลย เพราะเมื่อราว 9 ปีก่อน ผมขายอูคูเลเล่อยู่ที่บ้าน ซึ่งหากใครอยากได้ของดีๆ ในไทยไม่มีที่อื่นอีกแล้ว นอกจากมาหาผม หรือไม่ก็ตีตั๋วเครื่องบินไปหากันเอาตามประเทศเจริญๆ เองได้ ทำให้คนที่ค้นหาอูคูเลเล่ล้วนค่อยๆ เดินทางมาหาผมทีละคนๆ สำหรับอภิรักษ์ เขาคือรายที่ 6 ครับ

ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะขายอูคูเลเล่ แต่หาซื้อที่อยากได้ไม่ได้ เลยไปสั่งมามากมาย ทำให้ตัดสินใจแบ่งคนที่อยากได้ด้วยเลย ตอนนั้นขายในราคาที่ได้มาบวกค่าข้าวผัดกับโอเลี้ยงนิดนึง เรียกว่าขายมั่วซั่วเลยก็ว่าได้ แต่นั่นทำให้ผมได้มิตรภาพเข้ามามากมาย แน่นอน อภิรักษ์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเข้ามาประเดิมซื้อตัวโหด ผมซึ่งยังเล่นไม่ได้เรื่อง แต่หัดการเล่นเอาไว้ปาหี่สั้นๆ หลอกคนมาดูยาว 5 วินาที ก็ทำให้เขาศรัทธาอยู่ ส่วนด้านความรู้นั้นมาเต็ม ทำให้ผมขายอภิรักษ์ได้เรื่อยๆ ตัวละอาทิตย์ สองอาทิตย์ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ไม่ได้มาเป็นลูกค้า แต่มานี่งเล่นเป็นเพื่อนกัน และยังช่วยแนะนำคนอื่นด้วย

รายนี้เขาฝักใฝ่แนวแจ๊สมาก เพราะเป็นมือกีตาร์แจ๊สมาก่อน ระดับผูกผ้าปิดตาเล่นไฟแล่บ และมีก๊วนของเขาอยู่ 3-4 คน มีพี่โตครูใหญ่คนแรกของโรงเรียนอูคูเลเล่เรา ป๋าทศผู้แวะเวียนมาตลอด และพี่โอ๋ลูกค้าคนแรกของผม ทุกคนเล่นแนวเดียวกัน จัดเป็นเพลงคนแก่ ซึ่งก็เพราะดี แต่ฟังยากๆ แหวกแนววัยรุ่นไปไกล ผมติดตามดูพวกเขาฝึกเพลงตามต้นตำรับกันตั้งแต่เพิ่งหัด จนลึกล้ำ

จนมาที่สยามสแควร์ อภิรักษ์เริ่มแต่งเพลงของตัวเอง ในแนวเดียวกับเพลงแจ๊สโบราณๆ ที่เขาฝึกเล่น เวลาเขามาที่ร้านผมก็ได้ฟังอยู่ตลอด เพลงเขาเพราะดี ฟังสบายๆ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกับมัน คาดว่าช่วงชีวิตตอนนั้นของเขา คงมีอะไรเข้ามามากมาย ทำให้แต่งเพลงได้เรื่อยๆ แถมออกมาดีด้วย

และจุดเปลี่ยนก็มาถึง เมื่อทางต้นสังกัด สิงโต แจ้งยกเลิกการไปร่วมงานคอนเสิร์ตอูคูเลเล่ใหญ่ที่โตเกียวล่วงหน้าไม่นาน ผมแจ้งทางญี่ปุ่นไป เขาเสียดายมาก เพราะปีก่อนหน้านั้น สิงโต ไปเล่นมาคนชอบมากๆ เขาเลยถามว่าแล้วจะมีศิลปินคนไหนมาแทนได้ เนื่องจากผมอยากให้ไทยมีส่วนร่วมในงานนี้ ผมบอกเขาไปว่ามีทั้งๆ ที่ตอนนั้นผมไม่มีใครอีกเลย ตอนแรกเตรียมจะให้แชมป์อูคูเลเล่เยาวชนไทยไป แต่เขาอยากได้ผู้ใหญ่

วันรุ่งขึ้นอภิรักษ์มาเล่นเพลงของเขาที่ร้านตามปกติ ผมได้ยินก็เกิดแรงบันดาลใจ ชวนเขาให้ไปแสดงญี่ปุ่นกันเลย อภิรักษ์ตอบตกลงแบบงงงง เพราะงานนี้ไม่ใช่งานของหน้าใหม่ แต่เป็นงานที่ใหญ่และเป็นคอนเสิร์ตหลักของวงการอูคูเลเล่ญี่ปุ่น มีศิลปินเจ๋งๆ มาร่วมตลอด เขาเรียกมันว่า อูคูเลเล่ซุปเปอร์แจม

ตั้งแต่ทราบเรื่อง เราเหลือเวลาเพียงสองอาทิตย์
ที่จะสร้างศิลปินอูคูเลเล่ระดับโลกขึ้นมา 1 คน ซึ่งฝีมือนี่ผมไม่ต้องห่วง เขาเจ๋งอยู่แล้ว แต่เราต้องไปทำผลงานออกมาก่อน เลยให้คนในก๊วนแจ๊สของเขานั่นเองช่วยกัน ให้คุณเทพมือกราฟฟิกคู่ใจผมออกแบบปก ส่วนพี่โตเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์อยู่แล้วรับหน้าที่บันทึกเสียง มีคุณทศไปด้วย เป็นเดินทางไปทำอัลบั้มนี้ที่บ้านพี่โตที่ชุมพร ห้องอัดเอาฟูกมาบุๆ แล้วใช้ไมค์ต่อ ipad อัดกันเลย จากนั้นมาอัดเบสโดยตี้เลิฟอีส ที่ห้องของโตนโซฟา ออกมาเป็นเพลงในอัลบั้มเต็มของอภิรักษ์

เพลงที่ทำออกมาเพราะเหลือเชื่อ และไม่อยากเชื่อด้วยว่าอภิรักษ์ใช้เวลาสั้นๆ แต่งเพลงเหล่านั้นออกมาหลากหลายอรรถรส (มีเพลงผมด้วยเอาไปทำบรรเลงให้เต็มๆ) แต่เชื่อหรือไม่ว่าทุกเพลงของอภิรักษ์ไม่มีชื่อ! และด้วยความน่ารักไม่มีอีโก้ของเขา เขายอมให้ผมตั้งชื่อเพลงให้เลยเพราะคิดไม่ออก ผมจึงนำมาฟังแล้วตั้งชื่อเพลงให้ไปหลายเพลงเช่น Blueberry Sky, Siam Square เป็นต้น ซึ่งเป็นเพลงเด่นของเขาเลยทีเดียว

จากนั้นผมก็นั่งเทียนเล่าที่มาที่ไปของแต่ละเพลง ลงบนปกซีดี ซึ่งไม่ได้มั่ว แต่ผมใช้วิธีเข้าไปค้นหาคำตอบในจิตใจของอภิรักษ์มา ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง แต่ต้องทำออกมาในเวลาอันสั้น ซึ่งเราก็ได้ซีดีอีลบั้มเต็ม Blueberry Sky ของ Apirak ออกมา พร้อมหอบหิ้วไปญี่ปุ่นให้สมศักดิ์ศรีศิลปินอูคูเลเล่เอกของไทยกัน ซึ่งหนึ่งเดือนก่อนหน้ายังไม่มีตัวตน แต่วันนี้เราไปเป็นตัวแทนชาวไทยกัน

ตัดมาที่เวที ณ สำนักงานใหญ่ของยาคูลที่กินซ่า กลางกรุงโตเกียว แมตช์แรกของ Apirak ได้เกิดขึ้น ในงานที่ศิลปินหลายคนแม้อยู่มานานยังไม่ได้ไป เขาขึ้นไปเล่นเพลง Blueberry Sky และ SiamSquare ของเขา ผมไม่กังวลว่าคนญี่ปุ่นจะชอบไหม เพราะถ้าผมชอบผมเชื่อ เวลาจะดูว่าผู้ฟังที่นั่นชอบไม่ชอบ สำหรับคอนเสิร์ตแบบนี้ เช็คเรตติ้งดูง่ายๆ ถ้าชอบเขาจะตบมือตามจังหวะเพลงอย่างพร้อมเพรียง ถ้าไม่ชอบก็แค่นั่งฟัง

ผมน้ำตาแทบไหล เมื่อคนดูทั้งยาคูลฮอล พากันตบมือตามอภิรักษ์ ที่น่าจะตื่นเต้นอยู่บ้าง และนั่งเล่นอูคูเลเล่อยู่บนเก้าอี้กลางเวที เหมือนฝันไป แต่ตอนนี้อภิรักษ์คือใครสักคนในวงการอูคูเลเล่โลกแล้ว คนญี่ปุ่นบอกว่าพวกเขาชอบแนวเพลงที่อภิรักษ์เล่นมาก แต่ไม่มีใครทำเพลงใหม่ๆ ออกมาเลย ได้แต่ฟังต้นตำรับจากแจ๊สยุค 60’s แต่อภิรักษ์ทำเพลงใหม่แนวเดิมนั่นออกมา เพราะด้วย ฟังง่ายด้วย เขาเลยมีความยินดีมากๆ ที่ได้มาดูกัน

พอหลังจากงานแรกนี้ เรามีต้องไปเล่นที่โอซาก้าอีก ผมกับอภิรักษ์ปรึกษากันและตกลงว่าจะนั่งเล่นไม่ได้ ต้องยืนและขยับไปด้วย มันจะดูสนุกกว่า และแก่น้อยลง ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น เราแสดงที่ไลฟ์เฮาส์ใหญ่ในอะเมมูระ ย่านอเมริกันแถวชินไซบาชิ คนดูชอบอีกเช่นเคย และเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล ผมเป็นโปรโมเตอร์ศิลปินที่หาใครเหมือนยาก ส่วนอภิรักษ์กลายเป็นศิลปินอูคูเลเล่แนวหน้าคนหนึ่ง

จากวันนั้นที่ผมพบเขาครั้งแรก ผ่านมา 9 ปีแล้ว ตอนนี้อภิรักษ์ เคยไปปรากฏในนิตยสารอูคูเลเล่ญี่ปุ่น และได้ไปแสดงอีกมากมายหลายที่ทั่วประเทศญี่ปุ่น และ ฮาวายหลายครั้งหลายครา กระจายไปเล่นต่อหน้าคนนับหมื่นที่เกาหลี เล่นที่ไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และ สหรัฐอเมริกา เขากลายเป็นศิลปินที่ คามาค่า สนับสนุน ได้ร่วมเป็นหนึ่งในศิลปินของอัลบั้มครบรอบ 100 ปี ของ คามาค่า อูคูเลเล่สำนักเก่าแก่ที่สุดของโลก ร่วมกับมืออูคูเลเล่ชั้นแนวหน้าของโลก ทุกวันนี้ไม่แปลกเลยที่จะเห็นคนต่างชาติที่นิยมอูคูเลเล่ เอาเพลงของเขามาคัพเวอร์ มาลงยูทูป หรือนำไปเล่นตามคอนเสิร์ตต่างๆ

ที่เมืองไทย มีไม่กี่คนจะทราบว่าอภิรักษ์นั้น เป็นศิลปินอูคูเลเล่ระดับสร้างความเปลี่ยนแปลงคนหนึ่งของโลก นอกจากวิธีการเล่นของเขามีเอกลักษณ์สูง นั่นคือใช้นิ้วเดียวเล่น แต่ฟังเหมือนมีคนเล่นพร้อมกันสองคน! หรือจะเป็นการนำเพลงแนวที่ไม่มีใครทำใหม่แล้วมาประดับวงการ ให้คนอูคูเลเล่ทั้งโลกได้ฟัง ได้หัดตาม ผมไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเขาถึงมาถึงจุดนี้ได้ และถ้าใครอยากดูเขาเล่น ที่ไทยเขาก็มีเล่นประจำอยู่ ตามผับเก๋ๆ ในกรุงเทพร่วมกับมือกีตาร์ ในนาม Butter Fingers

ผมเคยคิดว่า ถ้า อภิรักษ์ เอาจริงและทำอูคูเลเล่ให้เป็นอาชีพหลัก ออกตระเวณเล่นต่างประเทศ ญี่ปุ่น ฮาวาย อเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย คงจะทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตสงบๆ กับครอบครัวที่เมืองไทย บริหารร้านนวดและบูติกของเขา ทำกราฟฟิคบ้างกรุบกริบ แล้วนานๆ ที ค่อยขอเมียไปแสดงต่างประเทศบ้าง ให้คนหายคิดถึง และกลายเป็นตำนานไปในที่สุด

และสำหรับใครที่ไม่รู้จัก นี่คือบุคคลมีค่าของไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศมาโดยตลอด แต่คนไทยไม่รู้จัก อภิรักษ์ ศิรินันทกุล เพื่อนผมเอง

Back to blog